สเตมเซลล์จากฟัน

  • ข้อมูลเบื้องต้น
  • การนำไปใช้
  • ประเภทสเตมเซลล์
  • ขั้นตอนการเก็บ

ข้อมูลเบื้องต้น

สเต็มเซลล์ได้ถูกค้นพบในไขกระดูกเป็นครั้งแรกเมื่อปี .. 2503 โดยสองนักวิจัยชาวแคนาดา คือ ดร.เจมส์ อีธิล และ ดร.เออเนส เอแมคคอลัฟ นับแต่นั้นเป็นต้นมา การพัฒนาและวิจัยเกี่ยวกับสเต็มเซลล์ก็ได้ดำเนินการเรื่อยมาอย่างไม่หยุดยั้งจนถึงปัจจุบัน

          สเต็มเซลล์เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตนับตั้งแต่เมื่อสเปิร์มได้ผสมกับไข่ สเต็มเซลล์หนึ่งเซลล์จะเริ่มแบ่งตัวจากหนึ่งเป็นสอง สองเป็นสี่ สี่เป็นแปด ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ และพัฒนาตัวเองไปเป็นเซลล์กว่า 200 ชนิด เพื่อประกอบขึ้นเป็นร่างกายมนุษย์จนสมบูรณ์ในครรภ์มารดา หรือจะกล่าวว่าสเต็มเซลล์ คือ เซลล์อ่อนที่ยังไม่พัฒนาตัวเองจนสมบูรณ์ก็ย่อมได้ สเต็มเซลล์จะสามารถเจริญเติบโต และแบ่งตัวขึ้นมาใหม่ได้อย่างไม่จำกัด อีกทั้งยังมีศักยภาพเพียงพอที่จะพัฒนาไปเป็นเซลล์ชนิดต่างๆ ได้แทบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเซลล์สมอง เซลล์หัวใจ เซลล์กล้ามเนื้อ เซลล์เม็ดเลือด หรือเซลล์กระดูก

          สเต็มเซลล์ทุกชนิดจะมีลักษณะพิเศษที่สำคัญ 3 ประการ คือ

  • สามารถแบ่งตัวขึ้นใหม่ได้เองตลอดเวลา ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และมีสารอาหารที่เพียงพอ
  • ในกรณีที่แบ่งตัวแล้ว ยังต้องคงสภาพการเป็นเซลล์ที่ยังไม่ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจงเอาไว้ และสามารถพัฒนาตัวเอง ไปเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจง ได้มากกว่า 200 ชนิด
  • สำหรับเซลล์ปกติในร่างกายมนุษย์นั้น จะทำหน้าที่เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหน้าที่ของตนเองได้ เช่น เซลล์สมอง ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเซลล์กล้ามเนี้อหัวใจได้  และไม่สามารถพัฒนาหรือแบ่งตัวต่อไปได้เมื่อเซลล์เหล่านี้ตายลง ก็จะไม่มีเซลล์ใหม่มาทดแทน

การนำไปใช้

การบำบัดรักษาด้วยสเต็มเซลล์แบ่งออกได้เป็นหลายชนิด ในปัจจุบันสเต็มเซลล์เริ่มเป็นที่ยอมรับว่าสามารถรักษาโรคได้หลายชนิด ในสหรัฐอเมริกาการบำบัดรักษาด้วยสเต็มเซลล์มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคเลือด โรคมะเร็งบางชนิดและโรคอื่นๆมานานกว่า 10 ปี ทั้งนี้ยังมีการนำสเต็มเซลล์มาใช้กันอย่างแพร่หลายในหลายประเทศทั่วโลก การบำบัดรักษาด้วยสเต็มเซลล์เป็นที่ยอมรับว่าในระยะต่อไปจะสามารถนำมาใช้รักษาโรคเกี่ยวกับสมองได้ อาทิเช่น อัมพฤกษ์, อัมพาต, โรคพาร์กินสัน, ภาวะสมองเสื่อมก่อนวัยอันควร, การได้รับบาดเจ็บของไขสันหลัง, โรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง, โรค MS, โรค ALS, ข้อเสื่อม, โรคที่มีผลสืบเนื่องมาจากความเสื่อมของอวัยวะ, โรคมะเร็งบางชนิด และโรคหัวใจ เป็นต้น

นักวิจัยได้ค้นพบว่า เยื่อในของฟันน้ำนมของเด็กบางซี่ ประกอบด้วยเซลล์ชนิด Chondrocyte, Osteoblast, Adipocyte และสเต็มเซลล์ชนิด Mesenchymal เซลล์ชนิดต่างๆ ทั้งหมดเหล่านี้มีศักยภาพอย่างสูงในการรักษาโรคอื่นๆที่มิได้ระบุไว้ในรายการข้างต้นศักยภาพของการนำเอาสเต็มเซลล์จากฟันน้ำนมมาใช้ประโยชน์ในการรักษาจะรวมถึงโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติทางสมอง เช่น อัลไซเมอร์, พาร์กินสัน และ ALS โรคหัวใจเรื้อรัง ตัวอย่างเช่น ภาวะหัวใจล้มเหลว โรคหัวใจขาดเลือดเรื้อรังโรคที่เกี่ยวกับกระดูกและฟันรวมทั้งการนำมาใช้ในการปลูกถ่ายฟันและกระดูกศักยภาพที่มีความสำคัญสูงสุดประการหนึ่ง คือ การนำเอาสเต็มเซลล์ชนิดนี้มาใช้ในการรักษาภาวะอัมพาตที่มีผลสืบเนื่องมาจากไขสันหลังได้รับบาดเจ็บ ซึ่งได้มีการศึกษาวิจัยถึงประสิทธิภาพจากการรักษาด้วยสเต็มเซลล์ชนิด Mesenchymal จากแหล่งอื่นๆมาแล้วความพยายามในการนำเอาสเต็มเซลล์มารักษาโรคเหล่านี้กำลังมีการดำเนินการโดยนักวิจัยที่มีความสามารถสูงในสถาบันการแพทย์ที่ดีที่สุดหลายแห่งทั่วโลกและเป็นที่ยอมรับว่าการรักษาโรคเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จในอนาคตข้างหน้า

ประเภทสเตมเซลล์

ในปีค.ศ.2003 Dr.Songtao Shi D.D.S., Ph.D. ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาฟันเด็กที่ National Institute of Health, Bethesda, Maryland ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ค้นพบ Stem Cells หรือสเต็มเซลล์ที่มีคุณสมบัติพิเศษจากฟันน้ำนม ซึ่งฟันน้ำนมจะเกิดขึ้นเมื่อเด็กอายุประมาณ 6 เดือน และจะเริ่มหลุดในช่วงอายุประมาณ 5 - 12 ปี

Dr.Shi สามารถแยก Adipocytes, Chondrocytes, Osteoblasts และ Mesenchymal Stem Cells ได้จาก Dental pulp ของฟันน้ำนม สเต็มเซลล์จากฟันน้ำนม ส่วนใหญ่เป็นสเต็มเซลล์ชนิด มีเซ็นไคมอล (Mesenchymal Stem Cells) ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษดีกว่า Adult Stem Cells ที่เก็บได้จากแหล่งอื่นๆ ของร่างกาย สามารถที่จะเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และมีคุณสมบัติสามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ต่างๆได้หลายชนิด (Multi-Potential Differentiation) เมื่ออยู่ในสภาวะที่เหมาะสม

ขั้นตอนการเก็บ

1. การเก็บฟันน้ำนมหลังจากฟันโยกพร้อมที่จะหลุดอาจจะเก็บโดยทันตแพทย์หรือเมื่อฟัน หลุดร่วงออกมาเอง การเก็บฟันน้ำนมให้ทำตามวิธีการที่ให้ไว้โดยเคร่งครัดและจัดส่งฟันให้ห้องปฏิบัติการภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากฟันหลุด การเก็บฟันกรามซี่สุดท้ายหรือฟันคุดกรุณาติดต่อบริษัทล่วงหน้าเพื่อการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดซึ่งเป็นวิธีการเฉพาะของทีมทันตแพทย์และ นักวิทยาศาสตร์ของไบโอ เอ็มเอสซี และท่านสามารถทำการจัดเก็บฟันคุดได้อย่างถูกวิธี โดยคลินิกที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากธนาคารจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดไบโออีเดนสหรัฐอเมริกา

2. การคัดแยกและเพาะเลี้ยงเซลล์ต้นกำเนิดนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญในการคัดแยกเซลล์ต้น
กำเนิดจากฟันของไบโอ เอ็มเอสซีจะดำเนินการเพื่อให้ได้คุณภาพ และทำการเพาะเลี้ยงให้มีปริมาณของเซลล์ต้นกำเนิดมากเพียงพอในการเก็บเพื่อการใช้ในอนาคตรวมทั้งทำการทดสอบ การปนเปื้อนจากเชื้อโรคต่างๆ และการมีชีวิต (Viability test) ของเซลล์ต้นกำเนิดก่อนทำ การเก็บรักษาด้วย

3. การเก็บรักษาเซลล์ต้นกำเนิด
ทำการเก็บรักษาไว้ในไนโตรเจนเหลวที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า -150 °C โดยจัดเก็บแยกเป็น 2 ส่วน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเก็บรักษา